7 วิธี ฟิตสมอง

คุณเคยออกกำลังสมองมั้ย?

อีกบทบาทหนึ่งของนักกิจกรรมบำบัดในการใช้กิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นเซลล์สมองให้ออกกำลัง เพราะร่างกายต้องการการออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงฉันใด เหตุใดสมองจึงไม่ต้องการการออกกำลังเพื่อป้องกันสมองฝ่อลีบเล่า

นักวิจัยพบว่าสมองส่วน Cerebral Cortex ของมนุษย์ สามารถสร้างเครือข่ายประสาท (Nerve Plexus) ซึ่ง เชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์ แม้ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะมีอายุมากขึ้นแต่เครือข่ายเหล่านี้ก็ไม่หยุดเชื่อมต่อ ระหว่างกัน ซึ่งสรุปได้ว่าจำนวนเครือข่ายประสาทเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกว่าคนๆ นั้น จะมีอายุยืนยาวหรือไม่ ซึ่งโดยปกติเครือข่ายประสาทจะถูกสร้างเพิ่มขึ้นด้วยการออกกำลังสมอง

ปัจจุบัน พบว่าถึงแม้เซลล์สมองจะลดลงในผู้สูงอายุ แต่ถ้ามีการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์มากขึ้น เซลล์เหล่านี้จะไปทดแทนและทำหน้าที่แทนเซลล์ที่ตายแล้ว ซึ่งทำให้สมองยังคงมีประสิทธิภาพทั้งๆ ที่อายุมากขึ้น จากงานวิจัยพบว่าคนทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือความจำ จะอายุยืนยาวกว่าคนที่ทำงานโดยไม่ต้องใช้สมอง เช่น งานซักรีดประจำวัน ซึ่งโดยมากใช้ความเคยชินในการทำงาน ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยให้สมองอยู่เฉยๆ แต่ควรจะต้องใช้สมองทำงานซึ่งจะทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การมีอายุยืนยาวขึ้น หากเราละเลยไม่ใช้สมอง ก็จะทำให้สมองเสื่อมและเหี่ยวแฟบลงในที่สุด

ผู้ สูงอายุส่วนใหญ่จะไม่สามารถจำเหตุการณ์ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นได้ เพราะประสบการณ์ชีวิตของท่านเหล่านั้นสอนให้ท่านจำแต่เรื่องที่จำเป็น โดยสมองจะคัดเรื่องที่ไม่สำคัญทิ้งไปเพื่อให้สมองไม่ทำงานหนักเกินไป ดังนั้นถ้าเราต้องการป้องกันสมองถดถอย เราจะต้องใช้สมองทำงานหลายอย่าง เช่น ถ้าเราเก่งคำนวณ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิทยาศาสตร์ เราควรจะรู้ด้านศิลปะด้วย โดยอาจจะฝึกเล่นดนตรีและวาดภาพ ขณะเดียวกันถ้าเราเป็นนักดนตรี เราควรเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในด้านวิทยาศาสตร์ การทำเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นให้สมองอีกด้านหนึ่งทำงาน เป็นการป้องกันไม่ให้สมองทำงานหนักเกินไปเพียงด้านเดียว ดังนั้นเราควรสนใจหัดเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์บ้างในบางครั้งบางคราว ซึ่งการทำสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อนจะช่วยกระตุ้นเซลล์สมองให้สร้างเครือข่าย ประสาทเพื่อเชื่อมต่อกับเซลล์สมองอื่นๆ ในกระบวนการทำงานหรือการเรียน เป็นอีกกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเครือข่ายและเชื่อมกับระบบประสาท ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้สมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดอาการสมองถดถอยลง ทำให้อายุของเรายืนยาวขึ้นซึ่งช่วยให้เราสนุกกับการทำกิจกรรมในชีวิตต่อไป

เทคนิควิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยออกกำลังสมอง มีดังนี้

1. พยายามเดินถอยหลังแทนการเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว

2. พยายามนับเลขถอยหลัง เช่น 100, 99, 98 .... แทนการนับแบบปกติ 1, 2, 3 ....

3. ถ้าเคยชินกับการเขียนด้วยมือขวา ก็ลองใช้มือซ้ายหัดเขียน ในทำนองเดียวกันถ้าถนัดซ้าย ก็หัดเขียนมือขวา แล้วจะพบว่าในที่สุดเราสามารถใช้ทั้งมือขวาหรือมือซ้ายเขียนได้

4. ถ้าเป็นพนักงานบัญชีและทำงานกับตัวเลขทั้งวัน ลองพยายามหัดทำงานในเชิงศิลปะ เช่น ทำสร้อยข้อมือหรือสร้อยคอจากหินสีต่างๆ ทำงานเพ็นต์สีลายกระจกหรือขวด หรือหัดทำเค้กรูปแบบและลายต่างๆ

5. ถ้าทำงานสำนักงานและต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ในห้องเย็นๆ ทั้งวัน หลังเลิกงานควรหากิจกรรมที่จะกระตุ้นร่างกายให้เคลื่อนไหวทำ เช่น ลีลาศหรือเต้นรำในจังหวะต่างๆ ว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือ โยคะ เป็นต้น

6. ถ้าทำงานด้านศิลปะอยู่แล้ว ให้หัดเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ เรียนการใช้ลูกคิดแบบญี่ปุ่น หรือ หัดขับรถโกคาร์ท (Go Kart) เป็นต้น

7. ถ้าเป็นนักกีฬาอาชีพ และใช้กำลังทางร่างกายอยู่เสมอ อาจจะต้องพยายามใช้สมองเพื่อการคิด เช่น เล่นเกมส์ปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) หรือเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อช่วยให้เกิดความคิดในการออกกำลังสมองทั้ง 2 ด้าน และทำให้มีการสร้างเครือข่ายประสาท (Nerve Plexus) เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายมากขึ้น เท่านี้ก็สามารถป้องกันสมองฝ่อได้โดยไม่ต้องใช้ยา

ความ ลับคือ ถ้าเราทำงานอาชีพด้านใด ให้พยายามทำสิ่งตรงข้ามกับงานอาชีพที่ทำเป็นประจำ เพื่อให้สมองได้รับการกระตุ้นและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สมองไม่ทำงานด้านเดียวหนักเกินไป

เริ่มเสียแต่วันนี้ อย่ารอจนคุณแก่เกินแก้ไข

ref : link
เทคนิคการอ่านอย่างรวดเร็วจะช่วยให้คุณไม่เครียดเกินไป และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

หากเป็นหนังสือโร มานซ์ คุณก็คงนั่งอ่านนอนอ่านอย่างเพลิดเพลิน และเผลอๆ อาจฝันว่าตัวเองเป็นนางเอกของเรื่องก็เป็นได้ แต่เมื่อเจอกองเอกสารพะเนินเทินทึกหรือหนังสือวิชาการต่างๆ ก็อาจทำให้คุณหัวหมุนได้ คุณจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิค "Speed Reading" เพราะมันจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการอ่านได้ถึงครึ่งหนึ่งโดยไม่ทำความเข้า ใจผิดพลาด มีเทคนิค 5 ข้อให้คุณฝึกเป็นนักอ่านสมองไว


1. วัดระดับความเร็วของตัวเอง คุณอ่านหนังสือได้เร็วมั้ย ลองทดสอบตัวเองดูสิคะ โดยการอ่านบทความหนึ่ง 1 นาทีโดยใช้ความเร็วธรรมดา แล้วนับคำที่คุณอ่านได้จำนวนคำที่คุณอ่าน บอกได้ถึงความเร็วในการอ่านของคุณ และเพื่อการทำความเข้าใจกับบทความ ก็ให้คุณเขียนสิ่งที่คุณเข้าใจในการอ่านออกมา ถ้าคุณเขียนได้มากขึ้นก็จะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ลองฝึกฝนบ่อยๆ แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น


2. ผู้ช่วยตัวสำคัญ บางครั้งตาของคุณก็ไม่ได้จดจ่อกับตัวหนังสือใช่มั้ยจึงต้องอ่านไปมาหลายรอบ และเพื่อป้องกันอาการที่ว่านี้ก็ต้องมีผู้ช่วยตัวสำคัญ นั่นก็คือ การใช้ดินสอลากตัวหนังสือที่กำลังอ่านไปเรื่อยๆ ไล่ไปทีละคำด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอจากซ้ายไปขวา และเมื่อจบบรรทัดก็ให้รีบเร่งบรรทัดใหม่ต่อไป


3. ฝึกความเร็วในการอ่าน หากฝึกอ่านหนังสือด้วยความเร็วสูงจะช่วยฝึกความสามารถในการอ่านได้ดี แม้ว่าจะเข้าใจเพียงเล็กน้อยก็ตาม เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าสมองจะชินกับความเร็วที่อ่าน ผลที่ได้ก็คือ การอ่านในระดับความเร็วธรรมดาที่อ่านแล้วจะทำให้เข้าใจเร็วขึ้น ให้คุณลองฝึกอ่านบทความภายในเวลา 3 นาที และต่อมาก็ใช้เวลาให้น้อยลงเป็น 2 นาที กับบทความเดิม และลดลงเหลือ 1 นาที และให้คุณฝึกบ่อยๆ จนกระทั่งคุณใช้เวลาสั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าใจบทความอย่างเพอร์เฟ็กต์


4. ฝึกอ่านทำความเข้าใจ การอ่านหนังสือเพื่อให้เข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่คุณจำเป็นต้อง ฝึกฝนด้วยการมองหนังสือปราดเดียวก็เข้าใจ ให้คุณอ่านบทความในหนังสือพิมพ์และปิดหนังสือหนึ่งบรรทัดแล้วเปิดมือขึ้น เพื่อมองปราดเดียวแล้วพยายามเขียนถึงสิ่งที่คุณอ่านออกมา ให้ฝึกจนกระทั่งสายตาของคุณเข้าใจกับข้อความนั้นๆจากนั้นก็เริ่มบรรทัดต่อไป


5. ทำความเข้าใจกับบทความด้วยการมองผ่าน คุณได้ฝึกการอ่านแบบมองปราดเดียวมาแล้ว ดังนั้น คุณก็พร้อมที่จะฝึกขั้นต่อไป ให้คุณอ่านบทความโดยไม่มีผู้ช่วยด้วยการมองอ่านปราดเดียว ในการฝึกก็ให้คุณใช้ดินสอสีขีดบรรทัดในแนวดิ่ง ให้อ่านทั้งกลุ่มคำโดยไม่ต้องอ่านคำต่อคำ ด้วยสายตา ที่ตวัดบรรทัดต่อบรรทัด และให้ฝึกต่อโดยไม่ต้องใช้ดินสอสีขีดเส้นบรรทัดที่อ่านอีก แต่ให้ใช้ความจำ

Tip อ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์

การอ่านหนังสือ หน้าจอคอมพิวเตอร์มักทำให้สายตาเมื่อยล้า ดังนั้น หากเป็นบทความยาวๆก็ขยายตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นและใช้เมาส์ช่วยในการอ่าน เปิดจออินเตอร์เน็ตให้แคบลงเพื่อเลี่ยงแสงกะพริบจากโฆษณา ปิดเพลงและนั่งตัวตรงอ่านทำความเข้าใจ


ref : link

ยุโรปจะปรับเวลา

หลังจาก วันอาทิตย์สุดท้าย ของเดือนตุลาคม
จะมีการเปลี่ยน เวลาฤดูร้อน เป็น เวลาฤดูหนาว
หรือ จาก เวลา Central European Summer Time (CEST) เป็นเวลา Central European Time (CET)
http://en.wikipedia....l_European_Time

อังกิด จาก UTC+1 เป็น UCT+0
เยอรมัน จาก UTC+2 เป็น UTC+1
(ประเทศไทย UTC+7)
http://th.wikipedia....%B8%B1%E0%B8%94

หมายความว่า
จากที่เวลาเคยห่างจาก อังกิด 6 ชั่วโมง จะเปลี่ยน เป็นห่าง 7 ชั่วโมง
จากที่เวลาเคยห่างจาก เยอรมัน 5 ชั่วโมง จะเปลี่ยน เป็นห่าง 6 ชั่วโมง

และเวลาจะสิ้นสุดใน วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคม

certificate expired ซะงั้นดูจากปีพ.ศ.แล้ว (2497) น่าจะเกิดตอนลง SDK แล้วเครื่องเราตั้งระบบวันที่ของไทย เลยได้ certificate expired มาผิด

วิธีแก้ตามที่หลายเว็บแนะนำคือให้ไปลบไฟล์ “debug.keystore” ถ้าเป็น vista หรือ 7 อยู่ที่ C:\Users\ชื่อเครื่อง\.android ถ้า xp ก็อยู่ที่ C:\Documents and Settings\ชื่อเครื่อง\.android จากนั้นให้ไปเปลี่ยนภาษาใน control panel >> Regional and Language Options เป็น English(United States) แต่ลองแล้วก็ error เหมือนเดิม ไปเจออีกวิธีนึงได้ผลชะงักเลยตามด้านล่างครับ

เปิด command prompt แล้วพิมพ์



keytool -genkey -keypass android -keystore debug.keystore -alias androiddebugkey -storepass android -validity 10000 -dname "CN=Android Debug,O=Android,C=US"

ref : link1 , link2

keep link

http://oldapps.com/
top